ปัญหาผิวหน้าหนาว

หน้าหนาว ความชื้นในอากาศลดลง ทำให้น้ำระเหยออกจากผิวของเราได้ง่าย หลายคนมีปัญหาผิวแห้งเป็นผื่นคัน ปากแตก ส้นเท้าแตก รังแครังควาน ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้เป็นแค่อาการ เป็นแล้วทำให้รำคาญ ไม่ได้เป็นโรค คนส่วนใหญ่ ก็เลยมักจะไม่ค่อยมาหาหมอ แต่มักจะไปหาซื้อครีมหรือยามาใช้เองมากกว่า

จริงอยู่อาการพวกนี้ บางทีถ้าคุณซื้อครีมหรือยาจากร้านขายยามาทามาใช้ ก็อาจจะทำให้อาการหายไปได้เอง แต่ในบางราย บางทีใช้ยา ไปตั้งเยอะแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น แถมดูเหมือนจะยิ่งแย่ลงด้วยซ้ำ

อย่ากระนั้นเลย หมอคิดว่าน่าจะบอกถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบ “หนูทำได้” หรือ “ทำเองก็ได้ง่ายจัง” ให้คุณสาวๆ หนุ่มๆ เอาไว้ดูแลตัวเอง เวลาที่ผิวมีปัญหาในหน้าหนาว พร้อมกับจะบอกวิธีสังเกตอาการสำคัญที่คุณควรรู้ และพึงตระหนักว่า อาการอย่างนี้ ถึงเวลาต้องไปพบแพทย์ผิวหนังแล้วล่ะ ไล่กันไปทีละปัญหาเลยนะ

ปัญหาที่ 1 เป็นสิวแดงๆ บริเวณ 2 ข้างแก้มและที่หน้าผาก

คุณอาจจะแปลกใจว่า เอ๊ะ! หน้าหนาว ผิวน่าจะแห้ง แต่ทำไมสิวยังเห่อได้อีก ลองสำรวจตรวจตราดูนะว่าอากาศหนาวทำให้คุณเข้านอน โดยไม่ล้างหน้า ทั้งๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้าบ้างรึเปล่า

ถ้าใช่ คุณก็ควรจะล้างหน้าด้วยสบู่ หรือเจลล้างหน้าแบบอ่อนๆ ไม่ควรใช้สบู่ยาที่แรงเกินไปมาล้าง และอาจจะต้องใช้ยาทารักษาสิว ร่วมด้วย เช่น ยาทากลุ่มเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่จะช่วยทำให้หัวสิวละลายหลุดออกไปได้ง่ายขึ้น

แต่ก่อนที่คุณจะไปซื้อยามาใช้เอง หมออยากให้คุณพินิจพิจารณาดูดีๆ บางทีรอยแดงๆ 2 ข้างแก้มของคุณ อาจจะไม่ได้เป็นแค่สิว แต่เป็น Rosacea เป็นปัญหาของผิวหนัง ซึ่งเป็นผลมาจากเส้นเลือดขยายใต้ผิวหนัง ทำให้เห็นเป็นจ้ำๆ แดงๆ ในตอนแรก และ เมื่อเป็นมากขึ้นอาจจะมีการอักเสบเป็นเม็ดเล็กๆ มองดูคล้ายสิว และผื่นสิวเหล่านี้ จะยิ่งกำเริบเมื่อโดนกระตุ้นด้วยปัจจัยบางอย่าง เช่น อากาศหนาว เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาหารรสจัด เป็นต้น ถ้าคุณมีอาการอย่างนี้ คุณควรไปพบแพทย์ดีกว่า แพทย์จะให้ยา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และอาจแนะนำให้ทำเลเซอร์เพื่อลดการอักเสบของเส้นเลือดไปพร้อมๆ กันด้วย

เห็นมั้ยว่าสิ่งที่คุณวินิจฉัย (เอาเอง) ว่าเป็นสิว จริงๆ แล้วอาจจะเป็นอาการอย่างอื่นก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้น มาให้หมอวินิจฉัยจะดีกว่านะ

ปัญหาที่ 2 ริมฝีปากแห้งแตก

ในหน้าหนาวหลายคนมีอาการปากแห้ง ซึ่งเมื่อเลียริมฝีปากบ่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้ปากแห้งแตกมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นมากปากอาจจะลอก เป็นขุย หรือเป็นแผ่นได้ ห้ามแกะ ห้ามจิก ทึ้งดึงหนังที่ลอกโดยเด็ดขาดนะ เพราะจะทำให้เลือดออกซิบๆ ได้ ให้ใช้ลิปบาล์ม วาสลีน ปิโตรเลียมเจล หรือขี้ผึ้งทา จะช่วยลดอาการปากแตกได้

แต่ถ้าอาการปากแห้งแตกของคุณ มีลักษณะบวมเจ่อ ปากลอกเป็นขุย หรือมีตุ่มขึ้น หรือมีอาการอักเสบแดงด้วยแล้วละ ก็คุณอาจจะ ไม่ได้แค่ปากแห้งเพราะอากาศหนาว แต่ริมฝีปากอักเสบเพราะแพ้เครื่องสำอาง แพ้ลิปสติก แพ้น้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟัน หรือแพ้สารเคมี อื่นๆ ซึ่งคุณควรไปพบหมอผิวหนัง เพื่อให้หมอทำการรักษา และทดสอบดูด้วยว่าคุณแพ้อะไรแน่ จะได้หลีกเลี่ยงจาก ปัจจัยนั้นๆ วันหลัง จะได้ไม่เป็นอีก

ปัญหาที่ 3 ศีรษะเป็นรังแค

อากาศหนาวไม่มาก แต่เอ๊ะ... ทำไมมีหิมะมาเยือน มองไปมองมาอ้าว... นี่ศีรษะเรามีรังแคนี่นา...

สาเหตุของรังแคเกิดจากเชื้อยีสต์บนศีรษะมีมากผิดปกติ จนเกิดเป็นสะเก็ดขาวๆ หลุดลอก หรือเป็นขุยติดอยู่ ที่เส้นผมและหนังศีรษะ

อันที่จริงปัญหารังแคเกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล แต่การเปลี่ยนแปลงของอากาศในหน้าหนาวทำให้รังแคกำเริบได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นแค่ รังแคธรรมดา คุณก็สามารถดูแลรักษาเองได้ โดยสระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid) ซิงค์ไพริไทโอน (Zinc Pyrithione) หรือคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ซึ่งส่วนผสมพวกนี้ จะมีฤทธิ์ต้านเชื้อยีสต์ เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา สาเหตุของการเกิดรังแค

อีกอย่างแชมพูพวกนี้จะช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วบนหนังศีรษะ ออกไปก่อนที่เซลล์พวกนี้จะจับตัวรวมกันเป็นแผ่นหรือบางชนิด ก็ช่วย ชะลอ การผลัดตัวของเซลล์ ไม่ให้ผลัดตัวเร็วมากเกินไป ทำให้เซลล์ไม่สะสมกลายเป็นขุย ร่วงหล่นเป็นรังแคให้หลุดหรือรำคาญใจ แต่ถ้าใช้แชมพูแล้ว อาการรังแครังควานยังไม่ดีขึ้น กลับมีรอยแดงบนศีรษะ และมีแผ่นขาวๆ หนาขึ้น แถมยังลุกลามไปที่ใบหน้า บริเวณหัวคิ้วและบริเวณทีโซน โดยจะเกิดการลอกเป็นขุยๆ และมีอาการคัน อันนี้อาจเป็นภาวะผิวหนังอักเสบที่เรียกว่า เซบเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) ค่ะ

ถ้าคุณเป็นเซบเดิร์ม คุณควรไปพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์จะแนะนำให้ใช้แชมพูที่ผสมด้วยน้ำมันดินสระผม เพื่อลดสะเก็ดที่หลุดลอก ร่วมกับการใช้ยาน้ำหรือโลชันทา หรือให้ยากินที่มีส่วนผสมของสารแก้แพ้ หรืออาจจะเป็นคอร์ติโคสเตียรอยด์ เพื่อระงับอาการคัน และผื่นแดงค่ะ ซึ่งการใช้ยาสเตียรอยด์ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะถ้าทามากๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิว บางลง และอักเสบง่ายมากขึ้นด้วยค่ะ

ปัญหาที่ 4 เล็บเปราะ เล็บฉีก ผิวหนังที่โคนเล็บบวมแดง

การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำยาต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว นอกจากจะทำให้มือแห้งแตกแล้ว อาจจะทำให้เล็บแห้ง เปราะฉีกขาดได้ง่าย

ถ้าคุณมีอาการอย่างที่หมอพูดไว้ข้างต้นแค่นี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ แต่ควรทาครีมบำรุง ทาวาสลีนหรือน้ำมันมะกอก เพื่อเพิ่ม ความชุ่มชื้นให้กับเล็บ และควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กอย่าง ไข่แดง และตับให้มากขึ้น หรือรับประทานอาหารเสริม พวกไบโอติน (Biotin) เพื่อช่วยบำรุงเล็บ

ส่วนข้อควรระวังอื่นๆ ก็คือ

- ไม่ควรล้างมือบ่อยเกินไป หรือถ้าจำเป็นต้องล้างบ่อยๆ ก็ควรงดใช้สบู่บ้าง

- ถ้าต้องล้างจานหรือซักผ้าบ่อยๆ ให้ใส่ถุงมือเวลาทำงาน จะได้ป้องกันไม่ให้มือ และเล็บโดนน้ำ และน้ำยามากเกินไป

- อย่ากัดเล็บ

- อย่าตัดหนังรอบๆ เล็บ เพราะหนังพวกนี้ มีหน้าที่ป้องกันเล็บ ถ้าตัดมากไป อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และถ้าหนังข้างๆ เล็บฉีก ก็ไม่ควรดึงหรือตัดหนังข้างๆ เล็บด้วยค่ะ

ถ้าดูแลตามที่หมอแนะนำข้างต้นนี้แล้ว ยังไม่ทำให้อาการดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะยิ่งลุกลามไปใหญ่ คุณอาจจะเป็นโรคผิวหนังบางอย่าง หนึ่งในนั้นคือ โรคสะเก็ดเงินก็ได้ค่ะ

อาการของโรคสะเก็ดเงินก็คือ คนไข้จะมีผื่นแดงตามศีรษะ และตามตัว ที่ผื่นจะมีสะเก็ดสีขาวเงินๆ เป็นแผ่นบ้าง เป็นขุยบ้างอยู่ด้านบน นอกจากผื่นแล้ว คนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินอาจจะมีอาการผิดปกติของเล็บ โดยเล็บจะมีอาการนูนหนา เล็บร่อน เล็บขรุขระเป็นหลุม สีของเล็บเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีขาว คล้ายเล็บเป็นเชื้อรา

ถ้าเป็นโรคสะเก็ดเงิน ความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกัน คุณจึงควรไปพบแพทย์ค่ะ

ที่มา: sanook.com โดย พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล
http://www.teenrama.com/around_teen.htm